หนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้ารายงานว่า เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา รัฐบาลอินโดนีเซียประกาศว่ามีแผนที่จะหยุดการส่งออกแรงงานไปทำงานบ้านในต่างประเทศตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นไป ขณะเดียวกัน ส่งเสริมการพัฒนางานประเภทอื่น ปัจจุบัน อินโดนีเซียจะส่งออกแรงงานไปต่างประเทศปีละกว่า 650,000 คน ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่ทำงานบ้าน แต่แผนการนี้กำลังประสบปัญหาต่างๆ และที่สำคัญยิ่งในขณะนี้คือโอกาสการมีงานทำภายในประเทศมีมากยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน และให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมเทคนิดฝีมือและคุณภาพของแรงงาน

แม้ว่าอนาคตเศรษฐกิจทั่วโลกในปัจจุบันไม่ค่อยแจ่มใส แต่อินโดนีเซียเป็นประเทศเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งมีการเติบโตทางเศรษฐกิจกว่าร้อยละ 6 ต่อปี จึงดึงดูดประเทศต่างๆ มาลงทุน องค์กรประเมินการลงทุนระหว่างประเทศรายงานว่า ได้เพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของอินโดนีเซียเป็นระดับที่น่าลงทุน ส่วนในการจัดอันดับดัชนีเครดิตการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติหรือเอฟดีไอประจำปี 2012 อินโดนีเซียขยับขึ้นจากอันดับที่ 20 มาเป็นอันดับที่ 9 ซึ่งหมายความว่า อินโดนีเซียมีศักยภาพสูงในด้านการลงทุน การพัฒนาและโอกาสการมีงานทำในอนาคต แต่ปัจจุบัน คุณภาพของแรงงานที่ส่งออกไปต่างประเทศของอินโดนีเซียยังไม่สอดคล้องกับความต้องการของนักธุรกิจต่างชาติ

รัฐบาลอินโดนีเซียได้ตระหนักถึงปัญหานี้ โดยพยายามหยุดการส่งออกแรงงานไปทำงานบ้านในต่างประเทศ และส่งเสริมการพัฒนางานประเภทอื่นที่ไม่ใช่งานในบ้าน ซึ่งต่างประเทศมีความต้องการมาก เช่น ออสเตรเลียต้องการแรงงานด้านพยาบาล เจ้าหน้าที่ด้านอุปกรณ์ทางการแพทย์และพนักงานดูแลผู้ป่วยจำนวน 100,000 คน ภายใน 10 ปีข้างหน้า