‘สี จิ้นผิง’ นำการบริหารสังคมจีนก้าวไปอีกระดับ
 การเผยแพร่:2020-12-15 15:44:43   ดูความถี่:0 แหล่ง:CMG

ตั้งแต่การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 18 ในปี 2012 เป็นต้นมา นายสี จิ้นผิง ผู้นำสูงสุดจีน ได้นำประเทศเสริมสร้างนวัตกรรมด้านการบริหารสังคมและผลักดันระดับการบริหารสังคมให้ก้าวไปอีกขั้น

หลายปีมานี้ นายสี จิ้นผิง มีคำชี้นำสำคัญว่าด้วยการปรับปรุงการบริหารสังคมอย่างเป็นระบบ อาทิ “ระดับระบบการบริหารสังคมและศักยภาพการบริหารสังคมอันทันสมัยของประเทศใดประเทศหนึ่งส่วนใหญ่เห็นได้จากพื้นฐาน หากพื้นฐานไม่แน่นหนา พื้นดินเคลื่อนไหวภูเขาจะสั่นคลอน ต้องวางรากฐานการบริหารสังคมขั้นพื้นฐานให้หนักแน่นอย่างต่อเนื่อง ”“ ต้องให้ความสำคัญกับการประสานงานอย่างกลมกลืน การบริหารอย่างเปิดกว้าง ให้ความสำคัญกับการบริหารแบบประชาธิปไตย การสร้างนวัตกรรมทางเทคโนโลยี การยกระดับการบริหารสังคมให้เป็นไปตามกฎหมาย มีความเป็นอัจฉริยะและเป็นมืออาชีพ ทั้งยังเพิ่มศักยภาพการพยากรณ์ เตือนภัย และป้องกันความเสี่ยงต่าง ๆ ”

ภายใต้การนำของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีนายสี จิ้นผิงเป็นแกนนำ ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระยะ 5 ปี ฉบับที่ 13 ระหว่างปี 2015 - 2020 พื้นที่ต่าง ๆ ของจีนมีการปรับปรุงการบริหารสังคมอย่างต่อเนื่องกลายเป็นระบบการบริหารสังคม ได้รับการปรับปรุงโดยมีคณะกรรมการพรรคฯ เป็นแกนนำ รัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบ ปรึกษาหารือกันแบบประชาธิปไตย ประสานงานทั้งสังคมแบบประชาชนมีส่วนร่วม มีการคุ้มครองทางกฎหมาย และการสนับสนุนทางเทคโนโลยี

ปรับปรุงระบบบริหารสังคม

ในช่วงป้องกันและควบคุมโควิด-19 ปีนี้ ธุรกิจต่าง ๆ ของจีน รัฐวิสาหกิจ และโรงพยาบาลรัฐแบกรับหน้าที่อย่างหนักและกล้าหาญ องค์กรพรรคกว่า 4,600,000 แห่งรุดหน้าไป เจ้าหน้าที่ชุมชนกว่า 4,000,000 คนอยู่เวรตลอดทั้งวันทั้งคืนใน 650,000 ชุมชนทั่วประเทศ วิสาหกิจภาคเอกชน โรงพยาบาลเอกชน องค์กรการกุศล และสถานสงเคราะห์แสดงบทบาทอย่างแข็งขัน สมาชิกพรรคฯ และข้าราชการนำหน้าต่อสู้ ผู้บัญชาการและทหารปลดปล่อยประชาชนจีน ตำรวจติดอาวุธ และตำรวจสันติบาลต่อสู้อย่างหาญกล้า นักวิชาการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ พนักงานส่งพัสดุด่วนหลายล้านคน พนักงานทำความสะอาด 1.8 ล้านคนมุ่งมั่นทำงานอย่างจริงจัง นักข่าวในแนวหน้า อาสาสมัคร ตลอดจนบุคคลธรรมดาจำนวนมากที่อุทิศตน

สงครามต้านโควิด-19 เป็นบททดสอบทางประวัติศาสตร์อันยากลำบาก ในการสอบครั้งนี้ การบริหารสังคม ปฏิสัมพันธ์กับการปรับปรุงทางสังคม และการบริหารตนเองของชาวบ้าน รวมถึงระบบบริหารสังคมได้รับการตรวจสอบอย่างเป็นรูปธรรมและมีผลสอบที่ได้มาตรฐาน

จะพิสูจน์ได้อย่างไรว่า “แม่คือแม่ของฉัน” สิ่งนี้เคยเป็นปัญหาที่ชาวบ้านร้องเรียนอย่างรุนแรง ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระยะ 5 ปี ฉบับที่ 13 ทางการต่าง ๆ ของจีนจึงเริ่มผลักดันการปฏิรูปและกระจายอำนาจ เพิ่มการกำกับดูแลและปรับปรุงการบริการ การสร้างนวัตกรรมทางแนวคิด การบริหารรัฐบาล เสริมสร้างจิตสำนึกด้านการบริหารตามกฎหมายและการบริการ ให้การบริหารแฝงไว้ด้วยการบริการ ใช้การบริการส่งเสริมการบริหาร เพิ่มการสร้างสรรค์ศักยภาพด้านบริการของทางการขั้นพื้นฐาน

ภายใต้การป้องกันและควบคุมโควิด-19 อย่างเป็นปกติ พื้นที่ต่าง ๆ ของจีนปรับปรุงมาตรการ ปรับขั้นตอนให้ง่ายขึ้น ส่งเสริมการฟื้นฟูการทำงาน การผลิต การเปิดตลาด และการทำธุรกิจอย่างรอบด้าน ผลักดันการใช้ธุรกรรมออนไลน์ให้มากขึ้น ผลักดันการเปิดวิสาหกิจผ่านระบบออนไลน์ทั้งหมด ผ่อนคลายข้อจำกัดสถานที่ลงทะเบียนของบริษัทขนาดเล็ก ขนาดย่อม และผู้ประกอบการส่วนตัว อำนวยความสะดวกแก่ผู้สร้างนวัตกรรมในการลงทะเบียนและใช้นโยบายอุดหนุนอย่างทันเวลา ทั้งนี้ การเปิดวิสาหกิจใหม่สามารถทำได้ในไม่เกิน 5 วันทำการ และการอนุมัติโครงการก่อสร้างใช้เวลาไม่เกิน 120 วันทำการ

การคลี่คลายความขัดแย้งเป็นเนื้อหาสำคัญของการบริหารสังคม การคลี่คลายความขัดแย้ง-ยุติข้อพิพาทอย่างเที่ยงธรรมและมีประสิทธิภาพเป็นเนื้อหาสำคัญในการผลักดันระบบการบริหารและยกระดับศักยภาพการบริหารแห่งชาติให้ทันสมัย

\

เมื่อเดินเข้าศูนย์คลี่คลายความขัดแย้งอำเภออันจี๋ มณฑลเจ้อเจียง ภาพที่ปรากฏ คือ ช่องสำหรับติดต่อ 10 ช่องคอยต้อนรับชาวบ้านในโถงรูปทรงกลม หน่วยงานราชการระดับอำเภอประจำที่นี่เป็นการถาวรจัดการเรื่องร้องเรียนของชาวบ้านและปัญหาความขัดแย้ง นอกจากเจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ยแล้ว ทางศูนย์ฯ ยังเชิญผู้แทนจากพรรคฯ สภาผู้แทนประชาชน กรรมการจากสภาปรึกษาการเมือง สมาชิกพรรคฯ ผู้อาวุโสในชนบท เจ้าหน้าที่สูงวัย และนักวิสาหกิจที่ชาวบ้านให้ความเชื่อถือมาร่วมคลี่คลายความขัดแย้ง ปัจจุบันหลายพื้นที่เปิดช่องทางคลี่คลายความขัดแย้งเช่นเดียวกับที่อำเภออันจี๋

ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระยะ 5 ปี ฉบับที่ 13 ระบบยื่นคำร้องและประสานงานผลประโยชน์ของชาวบ้านได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น องค์กรไกล่เกลี่ยประเภทต่าง ๆ พัฒนาอย่างคึกคัก จัดการปัญหาที่ประชาชนยื่นหนังสือร้องเรียนอย่างโปร่งใสสอดคล้องกับกฎหมาย การไกล่เกลี่ย ตัดสิน ทบทวนมติ และการฟ้องร้องประสานกันอย่างกลมกลืน ทำให้ระบบคลี่คลายความขัดแย้งได้รับการปรับปรุงให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ปรับปรุงระบบเครดิตทางสังคม

เว็บไซต์เปิดเผยข้อมูลการบังคับใช้กฎหมายของจีนปรับปรุงข้อมูลบุคคลที่ไม่น่าไว้วางใจแบบเรียลไทม์ จนถึงวันที่ 27 พฤศจิกายน ค.ศ. 2020 มีการประกาศรายชื่อผู้เสียเครดิตทางสังคมที่ถูกลงโทษกว่า 6,200,000 คน ข้อมูลของพวกเขาไม่เพียงแต่เปิดเผยในเว็บไซต์แต่พวกเขายังถูกลงโทษไม่ให้ซื้อตั๋วเครื่องบิน โดยสารรถไฟความเร็วสูง และกู้เงิน เป็นต้น

เดือนมีนาคม ค.ศ. 2016 ศาลประชาชนสูงสุดจีนประกาศสงครามพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจที่ไม่ปฏิบัติตามคำตัดสินของศาลโดยใช้เวลา 3 ปีแก้ปัญหาการบังคับใช้โดยทั่วไป ในช่วงสงคราม 3 ปีนั้น ศาลระดับต่าง ๆ ดำเนินคดีที่เกี่ยวข้อง 20,435,000 คดี ศาลประชาชนสูงสุดจีนร่วมกับ 60 หน่วยงานอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงคณะกรรมการปฏิรูปแห่งชาติจีน ผลักดันการสร้างกลไกลงโทษเสียผู้เสียเครติดทางสังคม โดยใช้มาตรการ 11 ประเภท รวม 150 รายการ ทำให้ผู้ถูกลงโทษหากมีพฤติกรรมเสียเครดิตครั้งเดียวก็จะถูกจำกัดทุกที่

ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระยะ 5 ปี ฉบับที่ 13 พื้นที่ต่าง ๆ ของจีนได้บัญญัติกฎหมายว่าด้วยความน่าเชื่อถือและทำการสำรวจวิจัยการสร้างสรรค์เครติดอย่างแข็งขัน ยกตัวอย่างเช่น ระเบียบข้อบังคับความน่าเชื่อถือทางสังคมเมืองหนานจิง กำหนดว่า พฤติกรรมเสียเครติดและไร้ศีลธรรมอย่างร้ายแรงมี 20 ประการ อาทิ ดื่มเหล้าเมาแล้วขับ อาละวาดในโรงพยาบาลทำร้ายเจ้าหน้าที่การแพทย์ ไม่ซื้อตั๋วยึดที่นั่งผู้โดยสารคนอื่น โกงค่าประกัน ทำผลงานวิชาการโดยไม่ซื่อสัตย์ ทุจริตการสอบ และใส่ร้ายป้ายสีวีรบุรุษผู้พลีชีพ เป็นต้น จะถูกบันทึกไว้ในรายชื่อบุคคลผู้เสียเครติดและถูกลงโทษตามกฎหมายด้วย ขณะเดียวกันระเบียบดังกล่าวยังให้รางวัลและกำลังใจแก่พฤติกรรมสร้างเครติด อาทิ ระเบียบฯ ได้ออกมาตรการให้กำลังใจบุคคลและองค์กรที่รักษาค่ำมั่นสัญญา รวมถึงให้การสนับสนุนทางการเงินและการเพาะปลูกในกระบวนการสร้างนวัตกรรมและบุกเบิกตลาด การผสมผสานระหว่างการลงโทษพฤติกรรมเสียเครติดกับการให้กำลังใจพฤติกรรมสร้างเครติดได้ยกระดับความน่าเชื่อถือทางสังคมอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ปรับปรุงกลไกความปลอดภัยสาธารณะให้สมบูรณ์

หลายปีมานี้ พื้นที่ต่าง ๆ ของจีนมีการสร้างนวัตกรรมกลไกรักษาความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเร่งการสร้างสรรค์กลไกรักษาความปลอดภัยในหลายมิติ

\

ปีนี้ น้ำท่วมใน 28 มณฑลทำให้ประชากรกว่า 70 ล้านคนในจีนกลายเป็นผู้ประสบภัย ถือเป็นอุทกภัยรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ ค.ศ. 1998 เป็นต้นมา โดยเฉพาะตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมามีฝนตกหนักกว่า 20 ครั้งทำให้แม่น้ำสายใหญ่เกิดล้นตลิ่ง ระดับน้ำในแม่น้ำกว่า 700 สายสูงกว่าเกณฑ์เตือนภัย อ่างเก็บน้ำเขื่อนซานเสียมีน้ำไหลเข้ามากที่สุดนับตั้งแต่ก่อสร้าง

ประชาชนและชีวิตเป็นสิ่งสำคัญที่สุด สำนักงานป้องกันอุทกภัยและภัยแล้งแห่งชาติจีนประสานงานให้พื้นที่และหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ทหารปลดปล่อยประชาชนจีน ตำรวจติดอาวุธ และทีมกู้ภัย-ดับเพลิงต่อสู้กันตลอดทั้งวันทั้งคืน เจ้าหน้าที่และชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจกัน แม่น้ำสายใหญ่ โครงการป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่สำคัญของจีนไม่ได้รับผลกระทบถึงขั้นอันตราย ภายใต้สถานการณ์ภัยพิบัติที่ค่อนข้างรุนแรง ประชาชนผู้เสียชีวิตหรือสูญหายรวมถึงจำนวน บ้านเรือนที่เสียหายจากภัยพิบัติลดลงร้อยละ 51 และ 58 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับตัวเลขเฉลี่ยในช่วงเดียวกันของ 5 ปีที่ผ่านมา ขณะที่งานป้องกันน้ำท่วมและกู้ภัยดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ

ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระยะ 5 ปี ฉบับที่ 13 จีนยึดหลักป้องกันเป็นหลัก ผสมผสานระหว่างการป้องกัน การต้านภัยพิบัติ และการกู้ภัย ยกระดับศักยภาพการป้องกันและต้านภัยธรรมชาติจากสภาพดินฟ้าอากาศ น้ำท่วม แห้งแล้ง แผ่นดินไหว ธรณีวิทยา และทะเลอย่างรอบด้าน ปรับปรุงกลไกป้องกัน บรรเทา และกู้ภัยให้สมบูรณ์ ปรับปรุงระบบการสำรวจ ประเมินภัยพิบัติ ติดตามเตือนภัย รวมถึงการป้องกันและรับมือเหตุการณ์ฉุกเฉิน ปรับปรุงระบบการสำรองอุปกรณ์กู้ภัย ยกระดับการใช้และบูรณาการทรัพยากร ตลอดจนเพิ่มศักยภาพการป้องกัน บรรเทา และกู้ภัยให้สูงขึ้น (Tim/Cui/Lu)


ขอแนะนำให้คุณอ่าน

ช่องแนะนำ

ด้านบน คิดเห็น