“สี จิ้นผิง” กับเมืองซันหมิงที่พัฒนาเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
 การเผยแพร่:2020-12-25 12:32:49   ดูความถี่:0 แหล่ง:CMG

เมืองซันหมิง ตั้งอยู่ตอนกลางของมณฑลฝูเจี้ยน มี 12 อำเภอขึ้นตรงต่อเมืองซันหมิง ภูมิลักษณ์ทางธรรมชาติเป็น “8 ภูเขา  1 น้ำ  และ 1 ที่นา” พื้นที่ทั้งหมด 22,900 ตารางกิโลเมตร ประชากรทั้งหมด 2,890,000 คน

เมืองซันหมิงเป็น 1 ใน 4 จุดออกเดินทัพทางไกล (The Long March, ปี 1934-1936) ของกองทัพแดง เคยมีส่วนสำคัญในกระบวนการปฏิวัติของจีน

ถึงแม้ความพร้อมทางธรรมชาติและทรัพยากรอยู่ในระดับปานกลางก็ตาม แต่ปีหลังๆ นี้ เมืองซันหมิงได้ขยับขึ้นเป็นแถวหน้าของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ขยับขึ้นเป็นแบบอย่างสำหรับพื้นที่ต่างๆ เคยได้รับสมญานามเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมระดับประเทศติดกัน 2 ครั้ง สืบเนื่องด้วยความสำเร็จและประสบการณ์ในการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

\

ปัจจุบัน เมืองซันหมิงมีอัตราพื้นที่สีเขียวมากเป็น 78.14 % พื้นที่ต้นไม้ประมาณ 12 ล้านไร่ ปริมาณออกซิเจนประจุลบ เป็น 3.4 เท่าของอัตราเฉลี่ยทั่วประเทศ ส่วนคุณภาพอากาศ น้ำ และดินล้วนอยู่ระดับแนวหน้าของประเทศ ปี 2018 อายุขัยเฉลี่ยของคนอยู่ที่ 79.61 ปี สูงกว่าอัตราเฉลี่ยทั่วประเทศ 2.61 ปี ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองป่าไม้ระดับชาติ เป็นเขตสาธิตแบบอย่างด้านการคุ้มครองและสร้างสรรค์ระบบนิเวศระดับชาติ

ทั้งนี้ หากจะค้นหาคำตอบจากชาวเมืองซันหมิง พวกเขาก็มักจะย้อนไปถึงเมื่อกว่า 20 ปีก่อน คือ ช่วงระหว่าง ค.ศ. 1996 - 2002 ตอนที่นายสี จิ้นผิงทำงานในมณฑลฝูเจี้ยน เคยลงพื้นที่เมืองซันหมิงทั้งหมด 11 ครั้ง และให้คำแนะนำสั่งการ 16 ครั้ง

ตัวอย่างเช่น เมื่อวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 1997 ตอนที่นายสี จิ้นผิงเป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำมณฑลฝูเจี้ยน เคยมาที่หุบเขาซั่งชิงซี อำเภอไท่หนิง เมืองซันหมิง ทำการศึกษาโครงการคุ้มครองระบบนิเวศกับการพัฒนาทรัพยากร ขณะล่องแพไม้ไผ่ตามสายน้ำ มีปลาหลีฮื้อสีแดงตัวหนึ่งกระโดดขึ้นมา และร่วงลงข้างเท้าของนายสี จิ้นผิงพอดี ทันใดนั้นนายสี จิ้นผิงถอดถุงพลาสติกที่คลุมรองเท้า แล้วจุ่มลงไปช้อนน้ำขึ้นมา นำปลาหลีฮื้อดังกล่าวใส่ลงถุงพลาสติกไว้อย่างดี พอแพไม้ไผ่เทียบท่าที่ปลายน้ำแล้ว ค่อยนำปลาดังกล่าวไปปล่อยลงน้ำ จ้องมองปลาแหวกว่ายกลับคืนสู่ท้องน้ำอย่างว่องไว

“ ระหว่างทางสหายสี จิ้นผิงกำชับกับทุกคนว่า ควรรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดี” หวง เซิ่งเถิง ผู้ติดตามในเวลานั้นเล่าว่า “พวกเราจดจำไว้ในใจมาโดยตลอด”

ช่วงกว่า 20 ปีมานี้ ชาวอำเภอไท่หนิงมีการลงมือที่มุ่งมั่นแน่วแน่ รักษาสิ่งแวดล้อมดั่งถนอมดวงเนตร ปฏิบัติต่อสิ่งแวดล้อมดั่งชีวิต

“แต่ก่อนชาวบ้านโค่นล้มต้นไม้ เพื่อนำไปเป็นเชื้อเพลิงในการหุงข้าว เวลานี้แต่ละปีแต่ละครัวเรือนมีเงินอุดหนุน 500-600 หยวน หันมาใช้แก๊สหุงต้ม หรือไฟฟ้า นอกจากนี้ ไม่มีการทิ้งขยะลงคลอง หากพบขยะข้างทางก็จะยื่นมือไปเก็บ” หลี่ เจียเหลียง ผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านฉงจี้เล่าให้ฟัง ด้วยเหตุนี้ จึงดึงดูดความสนใจจากแขกทั่วสารทิศ นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวหุบเขาซั่งชิงซี เพิ่มขึ้นเป็น 629,000 คนในปี 2019 จากเดิม 18,000 คนเมื่อปี 1997

“ซันหมิง เป็นหนึ่งในบ่อเกิดแม่น้ำหมิ่นเจียง มีความได้เปรียบด้านระบบนิเวศ ธรรมชาติ และทรัพยากรการท่องเที่ยว ซึ่งนับวันจะประจักษ์ตายิ่งขึ้นในกระบวนการพัฒนาทางประวัติศาสตร์”

“ตอนนี้มองว่าน้ำใสภูเขาเขียวไร้คุณค่า แต่ในทางไกลจะมองเป็นมณีอันล้ำค่า ในอนาคตจะมีราคาสุดจะประเมินการณ์ได้”......

ช่วงที่นายสี จิ้นผิงทำงานในมณฑลฝูเจี้ยน เคยย้ำว่าโครงการระบบนิเวศที่ดีควรเป็นโครงการที่ลงแรงที่สุดสำหรับมณฑลฝูเจี้ยน เคยมุ่งสร้างมณฑลฝูเจี้ยนให้เป็นมณฑลท่องเที่ยวเชิงระบบนิเวศ ฉะนั้น ตอนไปตรวจงานที่เมืองซันหมิง จึงกำชับให้ข้าราชการและประชาชนทั้งหลายให้ความสำคัญกับระบบนิเวศและทำการคุ้มครองระบบนิเวศอย่างดี

“เมื่อ 20 ปีก่อน ผืนป่าดังกล่าวเข้าตาโรงงานตะเกียบไม้แห่งหนึ่ง ด้วยการตีราคา 200,000 หยวน และมาหาหลายครั้ง” นายจาง หลินซุ่น เลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำหมู่บ้านฉางโข่ว ตำบลเกาถาง อำเภอเจี่ยงเล่อ เมืองซันหมิง ยื่นมือชี้ไปยังผืนป่าที่อยู่ตรงข้าม และบอกกับผู้สื่อข่าวว่า “ตอนนั้นในหมู่บ้านมี 2 เสียง คือ เสียงหนึ่งว่าควรขาย 200,000 หยวนเป็นเงินก้อนใหญ่ และอีกเสียงหนึ่งว่าไม่ควรขาย หากนำไปขายแล้วก็จะเท่ากับเป็นการทุบชามข้าวของลูกหลานชนรุ่นหลัง”

การถกเถียงเป็นไปอย่างเผ็ดร้อน “ตอนนั้นทางหมู่บ้านปีหนึ่งมีรายได้ประมาณ 30,000 หยวน ไม่พอกับการใช้จ่าย ซื้อของใช้ประจำออฟฟิศก็ต้องซื้อเชื่อกับสหกรณ์ อย่างไรก็ตาม ในที่สุดทางหมู่บ้านกัดฟันสู้ เอาชนะสิ่งยั่วยุ ไม่ได้ขายผืนป่าดังกล่าว” เขาระบุ

“ช่วงที่ทางการหมู่บ้านหารือกันนั้น ได้รับฟังถ้อยคำของสหายสี จิ้นผิงขณะมาลงพื้นที่ตรวจงาน ช่วยให้หมู่บ้านได้ทำการตัดสินที่ถูกต้องในยามสำคัญ” นายจาง หลินซุ่นหวนรำลึกถึงอดีต และยังคงจำได้แม่นเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ

เช้าวันที่ 11 เมษายน ปี 1997 นายสี จิ้นผิงมาลงพื้นที่ตรวจงานหมู่บ้านฉางโข่ว ยืนอยู่บริเวณทางเข้าหมู่บ้าน แลไปยังภูเขาและธารน้ำที่อยู่ตรงหน้า เขากำชับกับพี่น้องชาวบ้านด้วยความเป็นห่วงว่า “ภูเขาเขียวน้ำใสเป็นมณีที่ตีราคาไม่ได้ พื้นที่ภูเขาควรเขียนภาพดูแลจัดการภูเขาและน้ำให้เรียบร้อย”

“ตอนนั้นพวกเรายากจนกันมาก ในสมองเต็มไปด้วยคำถามว่าจะส่งเสริมเศรษฐกิจกันอย่างไร คำพูดของนายสี จิ้นผิงเหล่านี้ พวกเราตอนนั้นฟังแล้วรู้สึกว่ามีความแปลกใหม่ ต่อมาก็รู้สึกว่ามีเหตุมีผล” นายจาง หลินซุ่นระบุว่า

ระลอกน้ำกระเพื่อมบนธารน้ำจินซีเหอ นักกีฬาชุดสีน้ำเงินพายเรืออย่างสุดแรง เรือแคนูและเรือคายัคสีแดงและสีน้ำเงินแล่นโต้น้ำอย่างรวดเร็ว น้ำกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น...... ทีมนักกีฬาพายเรือแคนูและเรือคายัคเมืองจี่หนิง มณฑลซานตง ชื่นชอบหมู่บ้านฉางโข่วที่มีภูเขาเขียวน้ำใส อากาศที่น่าอยู่ จึงเลือกหมู่บ้านแห่งนี้เป็นฐานฝึกซ้อม

ปัจจุบัน หมู่บ้านฉางโข่วมีความเจริญรุ่งเรือง ด้วยกิจการปลูกส้มเช้งที่หอมหวาน และกีฬาล่องแก่งที่ร้อนแรง ท่ามกลางทิวทัศน์ที่สวยงาม รายได้เฉลี่ยต่อคนในปีที่แล้วมากเป็น 23,600 หยวน รายได้โดยรวมของหมู่บ้านมากเป็น 1,220,000 หยวน

“สหายสี จิ้นผิงกำชับพวกเราในปีโน้นว่า ‘ภูเขาเขียวน้ำใสเป็นมณีที่ตีราคาไม่ได้’ เล็งการณ์ไกลยิ่ง ได้กำหนดทิศทางการพัฒนาสำหรับหมู่บ้านในพื้นที่ภูเขาของเรา” นายจาง หลินซุ่นอุทานว่า “หากปีนั้นนำป่าผืนนั้นไปขาย ก็คงเหลือแต่ภูเขาหินที่โกร่นๆ เวลานี้จะไปหาภูเขาแหล่งน้ำที่สวยดั่งภาพวาด และสร้างธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมกันที่ไหน?”

การเฝ้าดูแลภูเขาเขียวน้ำใสอันเป็น “มณีที่ตีราคาไม่ได้” ถือเป็นความรับผิดชอบของชาวซันหมิงชนิดหลอมรวมเข้ากับชีพจรและอยู่ในสายเลือดไปแล้ว

สำหรับอำเภอหมิงซี เมืองซันหมิง แต่ก่อนเคยทำลายต้นฉำฉาจีนสายพันธุ์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ ปัจจุบันหันมาทุ่มแรงโครงการปลูก และประกอบกิจการต้นฉำฉาจีน โดยบริษัทผลิตภัณฑ์ยาหนานฟางนำต้นฉำฉาจีนไปกลั่น แล้วนำไปผลิตยาต้านเนื้องอก มีครัวเรือนเกษตร 40% ของอำเภอหมิงซีเข้าร่วมกิจการปลูกต้นฉำฉาจีน เป็นพื้นที่กว่า 25,000 ไร่

\

“มนุษย์ไม่ทรยศต่อภูเขาเขียว ภูเขาเขียวก็จะไม่ทรยศต่อมนุษย์” ระบบนิเวศที่ดีนำชีวิตที่ดีมาให้แก่เมืองซันหมิง เนื่องจากเป็นสถานที่เหมาะสมสำหรับการพักแรมเชิงนันทนาการ การจัดงานสัมมนา การกีฬาประเภทภูเขา ไปจนถึงการชมนกธรรมชาติ ในปี 2019 ได้รองรับนักท่องเที่ยว 39,180,000 คน (ครั้ง) สร้างรายได้ทั้งหมด 75,000 ล้านหยวน ขณะที่มวลรวมการผลิตกิจการป่าไม้มากเป็น 114,600 ล้านหยวน จีดีพีเฉลี่ยต่อคนเมืองซันหมิงทะลุแสนหยวน อยู่ที่ 100,641 หยวน

ทั้งหมดนี้ก็คือ การตอบโจทย์แนวคิดการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของชาวซันหมิง ด้วยการเจาะช่องทางภูเขาเขียวน้ำใสทะลุสู่ภูเขาทองภูเขาเงินด้วยความมุ่งมั่นและความคิดสร้างสรรค์ (YIM/LING/LU)


ขอแนะนำให้คุณอ่าน

ช่องแนะนำ

ด้านบน คิดเห็น