เมื่อเร็วๆนี้ นักธุรกิจชาวต่างชาติหลายคนให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวของสถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน(CMG)ว่า การลงในจีนมีโอกาสทางธุรกิจที่ไม่จำกัด หวังจะขยายการลงทุนในจีนให้มากยิ่งขึ้นต่อ

ทั้งนี้ เมื่อต้นปี 2007 นายริมาซ ราฮีม หนุ่มชาวศรีลังกา วัย 26 ปี นำผู้ช่วยคนหนึ่งมาประกอบธุรกิจเครื่องเพชรพลอยที่จีน แรกๆไม่ค่อยราบรื่นเท่าไร ในเวลานั้น แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจีนไปเที่ยวศรีลังกาจำนวนเพียงแต่ 5,000 คน คนจีนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบว่าศรีลังกาอยู่ที่ไหน ยิ่งไม่รู้เรื่องเครื่องเพชรพลอยของศรีลังกา นายริมาซ ราฮีมจึงไปร่วมออกบูธในงานแสดงสินค้าพื้นที่ต่างๆของจีน ที่เดินทางไปบ่อยครั้งมากที่สุดคือมณฑลหยุนหนาน แต่เขาชอบไปนครเซี่ยงไฮ้มากที่สุด ซึ่งเขาตั้งชื่อบริษัทว่า “หลีเสี่ยงเซ่อฉ่าย - สีสันแห่งความใฝ่ฝัน” เป็นตัวแทนความมุ่งมาดปราถนาของเขา นายริมาซ ราฮีมบรรลุความใฝ่ฝันของตนที่จีน เขาได้พัฒนาขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศของศรีลังกาแล้ว รายได้ต่อปีเพิ่มขึ้นจาก 7-8 หมื่นหยวนในตอนแรกขึ้นเป็นล้านหยวนในปัจจุบัน

นอกจากนี้ นายฮอมมะ เทตสึโร่ รองประธานกรรมการทั่วโลกของกลุ่มพานาโซนิค ผู้แทนใหญ่ประจำจีนและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว CMG ว่า จีนเป็นประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ ขณะเดียวกันก็เป็นประเทศผู้บริโภครายใหญ่ด้วย เนื่องด้วยจีนมีตลาดกว้างใหญ่นี้ พานาโซนิคจึงจัดฐานผลิตเพียงแห่งเดียวในโลกอยู่ที่นครหางโจวของจีน ซึ่งมีพนักงานจำนวน 60,000 คนแล้ว

นายเมห์แดด อเลปูร์ ผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยการกำหนดยุทธศาสตร์คณะกรรมการสิทธิประโยชน์แห่งชาติอิหร่านก็กล่าวกับผู้สื่อข่าว CMG ว่า เพื่อต่อสู้กับผลกระทบจากโควิด-19 จีนประกาศใช้นโยบายและมาตรการที่เต็มไปด้วยพลังชีวิต ไม่เพียงแต่ทำให้เศรษฐกิจจีนหลุดพ้นจากสภาวะถดถอยจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เท่านั้น หากยังทำให้เศรษฐกิจจีนกลายเป็นพลังขับเคลื่อนของการเติบโตของเศรษฐกิจโลกด้วย (Zhou/Dan/yim)